เคยสงสัยมั้ยว่า ทำไมบางครั้งส่งเมล์ออกไม่ได้ หน้าเว็บที่เคยใช้ได้ก็ผิดปกติหรือบางทีคอมพิวเตอร์ก็หยุดค้างไปดื้อๆ แย่สุดก็คือ ไฟล์ข้อมูลเกิดความเสียหาย พอให้ฝ่ายไอทีในบริษัทมาแก้ไข กลับเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ช้าลง อาการเหล่านี้ นอกจากอาจเกิดจากความผิดปกติของซอฟต์แวร์หรือฮาร์ดแวร์ที่ทำงานผิดพลาดแล้ว ก็มีแนวโน้มว่าจะเกิดจากภัยคุกคามจากภายนอก ที่หลายคนเรียกกันว่า “ไวรัส” ซึ่งที่จริงแล้วมีอีกหลายรูปแบบ เช่น Ransomware, Malware, Trojan และอื่นๆ ที่เกิดขึ้นได้จากพฤติกรรมของผู้ใช้ภายในองค์กรเองและการคุกคามจากภายนอก
แน่นอนว่าบางครั้งไม่ได้ส่งผลเสียกับเจ้าของเครื่องอย่างเดียวเท่านั้น แต่อาจหมายถึงการโจมตีเครื่องอื่นๆ ภายในองค์กรอีกด้วย เพราะหลายครั้งที่องค์กรขาดการป้องกัน เมื่อมีผู้ใช้ไม่ได้ระวัง มีการเข้าถึงเว็บต้องห้าม เปิดไฟล์แนบที่มากับเมล์แปลกหรือคลิกลิงก์จากแหล่งไม่พึงประสงค์ ทำให้เป็นช่องทางในการฝังตัวของไวรัส Ransomware หรือภัยอื่นๆ ลงในเครื่อง จากนั้นเริ่มโจมตีตามพฤติกรรม แต่หากองค์กรมีการป้องกันที่ดี ด้วยระบบ Network Security, Web Security, Email Security หรือการป้องกันในรูปแบบอื่น ที่นอกเหนือจาก Anti-Virus ที่เป็นพื้นฐานของคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่อง ย่อมทำให้การใช้งานได้อย่างปลอดภัยและไหลลื่นมากยิ่งขึ้น
การป้องกันมีข้อคำนึงถึงความสมดุล ระหว่างการเชื่อมต่อที่รวดเร็วและการป้องกันอย่างปลอดภัย ซึ่ง Firewall ถือเป็นเครื่องมือเบื้องต้นในการคัดกรองข้อมูลที่เข้า-ออกให้เกิดความปลอดภัย เหมือนเป็นยามที่คอยตรวจบัตร ให้เฉพาะผู้ที่ได้รับอนุญาตสามารถผ่านได้เท่านั้น แต่ถ้าเป็น Firewall ที่มีคุณสมบัติหลากหลายมากขึ้น ก็จะเพิ่มความสามารถในการคัดกรองที่ดีและปลอดภัย แต่ก็อาจจะต้องแลกกับความล่าช้าของข้อมูลที่จะผ่านเข้าออก เพราะต้องถูกตรวจสอบอย่างเข้มข้น
ดังนั้นความสมดุลดังกล่าว จึงต้องเลือกว่า ความปลอดภัยระดับใดถึงจะพอเหมาะกับความต้องการ ซึ่งการเลือกใช้ระบบอื่นมาเป็นตัวช่วยในการตรวจจับหรือคอยติดตามพฤติกรรมของคนร้ายเพิ่มก็เป็นเรื่องที่ดีเช่นกัน
อย่างไรก็ตามการตั้งค่าการคัดกรองบน Firewall ก็มีส่วนช่วยให้เกิดความสมดุลในการใช้งาน แต่อาจต้องมีผู้ดูแลที่คอยสังเกตและใส่ใจในรายละเอียด นอกจากนี้ยังมี Firewall ในรูปแบบต่างๆ อีกมากมาย ที่จะช่วยให้การใช้งานปลอดภัยยิ่งขึ้น เช่น Application Firewall, Web Application Firewall หรือ Next Generation Firewall เป็นต้น ขึ้นอยู่กับว่าต้องการเสริมความปลอดภัยในด้านใดเป็นพิเศษ
PRIME ให้บริการด้านความปลอดภัย ด้วยการออกแบบการทำงานของ Firewall ให้ตรงกับความต้องการและความเหมาะสมให้กับลูกค้าแต่ละราย ในการคัดกรองหรือป้องกันภัยคุกคามสำหรับองค์กรหรือเครือข่ายขนาดใหญ่ โดยเลือก Firewall ที่มีประสิทธิภาพและตั้งกฏเกณฑ์ให้เข้ากับรูปแบบการทำงานของลูกค้า ในการป้องกันการเข้าถึงข้อมูลที่ไม่เหมาะสมในแต่ละระบบ
PRIME ออกแบบระบบความปลอดภัย ให้มีการป้องกันการบุกรุกข้อมูลสำคัญสำหรับลูกค้าได้ โดยเป็นการดูแลทั้งระบบ ในกรณีที่ต้องการป้องกันผู้บุกรุก ด้วยการวาง Infrastructure ที่เป็น Intrusion Protection System (IPS) เต็มรูปแบบ และสามารถทำงานได้แม่นยำมากขึ้น เพิ่มเติมจากการทำงานของ Firewall พื้นฐาน ด้วยการเสริม IPS ที่คอยติดตามและ Block เมื่อมีภัยคุกคามแทรกตัวเข้ามาและมีพฤติกรรมเข้าข่ายเป็นอันตราย การออกแบบระบบความปลอดภัยเหล่านี้ จะพิจารณาจากองค์ประกอบรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นจำนวนผู้ใช้ ขนาดขององค์กร และความต้องการความปลอดภัยต่อข้อมูลเป็นหลัก
นอกจากนี้ PRIME ยังพร้อมให้บริการในการปรับจูนความเร็วในการทำงาน ด้วยการตั้งกฏเกณฑ์ในระบบ Intrusion Protection System ให้สอดคล้องกับธรรมชาติของแต่ละองค์กร เพื่อสร้างความมั่นใจในด้านความปลอดภัยของข้อมูลสำคัญภายในองค์กรขนาดใหญ่อย่างมีประสิทธิภาพซึ่งรวมไปถึงระบบความปลอดภัยต่าง ๆ เหล่านี้
โดยในปัจจุบันผู้ที่ดูแลระบบแต่ละองค์กรจำเป็นจะต้องเรียนรู้และเข้าใจถึงการป้องกัน พร้อมทั้งอัพเดทข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ PRIME พร้อมที่จะให้ข้อมูลการเรียนรู้ เพื่อใช้ร่วมกับระบบความปลอดภัยที่มีการออกแบบให้สอดคล้องกับองค์กร และการพัฒนาบุคลากร แก้ปัญหาด้านความปลอดภัยให้ รวมถึงนำเสนอโซลูชั่นในแง่ของความปลอดภัยและแนะนำเทคโนโลยีที่เหมาะสม พร้อมกับปรับจูนให้เกิดประโยชน์กับลูกค้ามากที่สุด ภายใต้ขอบเขตและความเหมาะสมต่อลูกค้า ทั้งในเรื่องของประสิทธิภาพหรือค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม โดยมีเป้าหมายหลัก 3 ประการคือ People, Process และ Technology