ทุกวันนี้การจราจรติดขัดมากขึ้นกว่าแต่ก่อน หลายคนใช้เวลาบนท้องถนนนานขึ้น นั่นเพราะปริมาณรถยนต์บนท้องถนนมีเพิ่มขึ้นทุกขณะ หลายคนเลือกเส้นทางการเดินทางได้ เช่น รถไฟฟ้า เรือหรือเครื่องบิน แต่ส่วนใหญ่ก็ยังต้องพึ่งพาการเดินทางโดยรถยนต์หรือรถโดยสารบนท้องถนน จึงไม่น่าแปลกใจที่ทำไมถึงต้องมีการขยายถนนให้กว้างมากยิ่งขึ้น จากเดิม 2 เลนก็เพิ่มเป็น 4-8 เลน
หากเปรียบการเดินทางของรถยนต์เป็นข้อมูล การขยายถนนหรือเส้นทางก็จะเปรียบเป็น Switch ซึ่งทำหน้าที่เพิ่มความเร็วสูงและอัตราทรูพุตให้สูงขึ้น และแบนด์วิทธ์ที่กว้างขึ้น เพื่อให้รองรับการสื่อสารที่มีปริมาณสูง จึงต้องมีความเร็วที่เหมาะสม ในการตอบสนองผู้ใช้บางกลุ่มที่มีความต้องการช่องทางการสื่อสารระหว่างลูกข่ายไปยังเซิร์ฟเวอร์ได้รวดเร็ว เพราะผู้ใช้ในองค์กรบางส่วนงาน ต้องมีการจัดสรรช่องทางให้เชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ได้ดีที่สุด เพื่อลดความล่าช้าหรือเลี่ยงการจราจรที่ติดขัด และบางส่วนอาจจะมีต้องช่องทางในการเข้าถึงข้อมูลที่นอกเหนือจากเซิร์ฟเวอร์ได้อย่างเหมาะสม ซึ่งในแต่ละองค์กรไม่สามารถกำหนดพื้นที่ทำงานตายตัวของพนักงานแต่ละส่วนให้เข้ากับเครือข่ายที่วางไว้ได้ทั้งหมด จึงจำเป็นต้องมีอุปกรณ์ที่เรียกว่า Switch ในการวิเคราะห์กลุ่มผู้ใช้ได้อย่างชาญฉลาด และสามารถให้บริการได้เหมาะสม ทั้งเรื่องของประสิทธิภาพและความเร็ว
ในปัจจุบัน Wireless มีประสิทธิภาพสูง ทำให้เทคโนโลยี Switch เชื่อมต่อไปยัง Access Point สำหรับการเชื่อมต่อกับผู้ใช้ผ่าน Wireless อีกครั้งหนึ่ง ดังนั้น Wireless และ Switch ต้องสามารถเชื่อมโยงถึงกันได้ ดังนั้นจะเห็นได้ว่า Switch มีการทำงานร่วมกับ Server Base มากขึ้น นั่นก็เพราะเซิร์ฟเวอร์จะต้องเชื่อมต่อเข้าด้วยกันด้วยความเร็วสูง จึงต้องสามารถจัดการบริหารความเร็วได้สูง ความน่าสนใจของ Switch คือ นอกจากตอบโจทย์การเพิ่มแบนด์วิทธ์หรือขยายการให้บริการได้ง่ายขึ้นแล้ว ยังมีฟีเจอร์ที่สามารถบริหารจัดการอุปกรณ์ในเครือข่ายได้สะดวกมากยิ่งขึ้น เช่น การรายงานไปยังผู้ดูแลเครือข่ายได้อีกด้วย
ในบางองค์กรอาจมีแค่ Switch เพียงอย่างเดียว โดยไม่ต้องมี Router ก็ได้ และในปัจจุบัน Switch มีความฉลาดยิ่งขึ้น สามารถเข้าใจในเลเยอร์ต่างๆ ได้